แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 49
1
ข้อมูลโรคไขมันในเลือดผิดปกติ/ไขมันในเลือดสูง

ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ มีอยู่หลายแบบและมีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน ดังนี้

    ไขมันในเลือดสูง (hyperlipidemia) หมายถึง ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง (hypercholesterolemia) อันเนื่องมาจากแอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูง หรือไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (hypertriglyceridemia) หรือสูงทั้งสองอย่างร่วมกัน
    ไลโพโปรตีนในเลือดผิดปกติ (dyslipoproteinemia) หมายถึง ภาวะที่มีไลโพโปรตีนชนิดต่าง ๆ ในเลือดผิดปกติ ได้แก่ ภาวะแอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูง หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “แอลดีแอลสูง (high LDL cholesterol/hyperbetalipoproteinemia)”, เอชดีแอลคอเลสเตอรอลต่ำ หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “เอชดีแอลต่ำ (low HDL cholesterol/hypoalphalipoproteinemia)”

สำหรับเกณฑ์การตัดสินภาวะไขมันผิดปกติในเลือด ดูตารางในหัวข้อ “สาเหตุ”

ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ อาจพบภาวะแอลดีแอลสูง ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง หรือเอชดีแอลต่ำ เพียงแบบใดแบบหนึ่ง หรือพบ 2-3 แบบร่วมกันก็ได้

ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งชักนำให้เกิดโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ (peripheral artery disease /PAD) ทั้งนี้ หากพบร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ การสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ก็จะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งมากยิ่งขึ้น

ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ พบได้บ่อยทั้งชายและหญิง พบมากในผู้ที่มีประวัติทางกรรมพันธุ์ อ้วนหรือลงพุง ชอบกินอาหารพวกไขมันมาก ๆ หรือทำงานเบา ๆ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรือผู้ที่เป็นเบาหวาน

สาเหตุ

1. เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ โดยมีพ่อแม่พี่น้องมีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติร่วมด้วย เรียกว่า ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติชนิดปฐมภูมิ (primary dyslipidemia) หรือชนิดครอบครัว (familial hyperlipidemia) ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีรูปร่างสมส่วน หรือผอม และการควบคุมอาหารอย่างเต็มที่ก็ไม่ได้ทำให้ระดับไขมันในเลือดเป็นปกติ จำเป็นต้องใช้ยารักษา ผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติของไขมันในเลือดหลายแบบร่วมกัน

2. ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติชนิดมีสาเหตุ หรือชนิดทุติยภูมิ (secondary dyslipidemia) มักมีสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีสาเหตุร่วมกัน ดังต่อไปนี้

    การบริโภคอาหารที่ทำให้ไขมันในเลือดผิดปกติ ได้แก่ 
         - ไขมันชนิดอิ่มตัว (saturated fat) เช่น ไขมันสัตว์ เนย เนื้อแดง เนื้อที่มีมันมาก หนังสัตว์ เครื่องในสัตว์ หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (หอยนางรม กุ้ง ปู ปลาหมึก) เป็นต้น ทำให้แอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูง
         - ไขมันทรานส์ (trans fat) ซึ่งพบในไขมันพืช (ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว) ที่ถูกนำมาแปรรูปโดยการเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) เข้าไปในโครงสร้างทางเคมี จนกลายเป็นไขมันอิ่มตัว ทำให้น้ำมันพืชที่แปรรูปนี้แข็งตัวและเก็บรักษาไว้ได้นาน นำมาผลิตเนยขาว (หรือเนยเทียม) มาการีน และครีมเทียม ซึ่งนิยมใช้ผสมในอาหาร ขนม (พวกเบเกอรี่ ขนมอบกรอบ อาหารทอด อาหารขบเคี้ยว) และเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น คุกกี้ เค้ก โดนัท พาย ข้าวโพดคั่ว เวเฟอร์ แครกเกอร์ ไก่ทอด มันฝรั่งทอด เครื่องดื่ม (ชา กาแฟ) ที่ใส่ครีมเทียม เป็นต้น นอกจากนี้ไขมันทรานส์ยังพบในอาหารที่ผ่านการทอดด้วยความร้อนสูง หรือทอดด้วยน้ำมันที่ใช้ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ไขมันทรานส์มีผลทำให้แอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูง และเอชดีแอลคอเลสเตอรอลต่ำ
         - อาหารที่ให้พลังงานเกินความต้องการของร่างกาย เช่น อาหารพวกแป้ง น้ำตาล ของหวาน ผลไม้รสหวาน น้ำผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง

    ความอ้วน หรือเส้นรอบเอวเกิน (มีค่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนสูง)
    การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
    การสูบบุหรี่ (ลดไขมันชนิดดี หรือเอชดีแอลคอเลสเตอรอล)
    การขาดการออกกำลังกาย
    โรคหรือภาวะการเจ็บป่วย เช่น เบาหวาน โรคคุชชิง ภาวะขาดไทรอยด์ โรคไตเนโฟรติก ภาวะไตวายเรื้อรัง โรคตับเรื้อรังและโรคตับที่มีภาวะอุดกั้นของทางเดินน้ำดี (obstructive liver disease) การติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น
    การใช้ยา เช่น ยาขับปัสสาวะ-กลุ่มไทอาไซด์ (thiazides), ยาลดความดัน-กลุ่มยาปิดกั้นบีตา, สเตียรอยด์, เอสโทรเจน (ยาเม็ดคุมกำเนิด), โพรเจสเทอโรน, ยาต้านไวรัสเอชไอวีกลุ่ม protease inhibitors, ไซโคลสปอริน เป็นต้น

อาการ

ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง ส่วนมากจะไม่มีอาการแสดงแต่อย่างใด

มักจะตรวจพบขณะตรวจเช็กสุขภาพ หรือขณะมาพบแพทย์ด้วยโรคบางอย่าง (เช่น เบาหวาน) หรือเมื่อมีอาการของภาวะแทรกซ้อน เช่น เจ็บหน้าอก (จากหลอดเลือดหัวใจตีบ) ปวดน่องเวลาเดินมาก ๆ (จากหลอดเลือดแดงขาตีบ) อัมพาต (จากหลอดเลือดสมองตับ) เป็นต้น

ในรายที่มีภาวะไขมันสูงมาก ๆ อาจพบตุ่มหรือแผ่นเนื้อเยื่อไขมันลักษณะสีเหลืองบนผิวหนัง (เช่น บริเวณหนังตา คอ หลัง สะโพก) เรียกว่า กระเหลือง (xanthoma) ถ้าพบที่บริเวณเส้นเอ็น (เอ็นร้อยหวาย เอ็นบริเวณหลังมือ) ก็อาจทำให้เส้นเอ็นมีลักษณะหนาตัว

นอกจากนี้ อาจพบลักษณะวงแหวนสีขาว ๆ ตรงขอบกระจกตาดำ (แบบที่พบในผู้สูงอายุ) เรียกว่า เส้นขอบกระจกตาวัยชรา (arcus senilis)


ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญ คือ ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) และหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นทั่วทุกส่วนของร่างกาย

ถ้าเกิดที่หลอดเลือดหัวใจ ทำให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือด

ถ้าเกิดที่หลอดเลือดสมอง ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต สมองเสื่อม

ถ้าเกิดที่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขา ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงขาตีบ มีอาการปวดน่องเวลาเดินมาก ๆ เป็นตะคริว ปลายเท้าเย็น เป็นแผลเรื้อรังที่เท้า หรือปวดขาหรือปลายเท้า

ถ้าเกิดที่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศในผู้ชายก็ทำให้เกิดภาวะองคชาตไม่แข็งตัว

นอกจากนี้ยังพบว่า อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน ภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver)

ส่วนผู้ที่มีภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูงเกิน 2,000 มก./ดล.) มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากการตรวจพบระดับไขมันในเลือดสูงหรือผิดปกติ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

แพทย์จะทำการตรวจเพื่อประเมินสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยงร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาการเมตาบอลิก* รวมทั้งภาวะแทรกซ้อน และให้การดูแลรักษา โดยแนะนำการปรับพฤติกรรม (ดู “ข้อปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยไขมันในเลือดผิดปกติ” ในหัวข้อ “ข้อแนะนำ”) และให้การรักษาโรคหรือภาวะเสี่ยงที่พบร่วม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำหนักเกิน เป็นต้น

ในรายที่ระดับไขมันสูงในขนาดที่ยังไม่ต้องให้ยาลดไขมัน จะให้ผู้ป่วยลองปรับพฤติกรรมนาน 3-6 เดือน หากควบคุมไม่ได้ตามเป้าหมาย จึงค่อยพิจารณาให้ยาลดไขมัน

แพทย์จะให้ยารักษาภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ โดยพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด (ได้แก่ 1. อายุ : ชายมากกว่า 45 ปี หญิงมากกว่า 55 ปี, 2. มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อนวัยอันควร : ชายอายุน้อยกว่า 55 ปี หญิงอายุน้อยกว่า 65 ปี, 3. สูบบุหรี่, 4. มีโรคความดันโลหิตสูง, 5. มีเอชดีแอล/HDL < 40 มก./ดล. แต่หากมีค่าเอชดีแอล/HDL ≥ 60 มก./ดล. ให้หักลบปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวออกไป 1 ข้อ) ร่วมกับการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดใน 10 ปีด้วยการคำนวณ

ถ้ามีความเสี่ยงสูงก็จะให้ยาลดไขมันเมื่อมีระดับไขมันในเลือดต่ำกว่าผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ และกำหนดเป้าของระดับไขมันในเลือดที่ต่ำกว่าผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ

อาทิ การใช้ยาลดไขมันที่มีชื่อว่าซิมวาสแตติน (simvastatin) มีเกณฑ์ ดังนี้**

    มีปัจจัยเสี่ยง 0-1 ข้อ จะเริ่มให้ยาลดไขมันเมื่อ LDL-C ≥ 190 มก./ดล. โดยมีเป้าหมายลดให้ต่ำกว่า 160 มก./ดล.
    กรณีมีปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป ให้ประเมินความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจใน 10 ปีจากการคำนวณ ***

      - ถ้ามีความเสี่ยงต่ำกว่าร้อยละ 10 จะเริ่มให้ยาลดไขมันเมื่อ LDL-C ≥ 160 มก./ดล. โดยมีเป้าหมายลดให้ต่ำกว่า 130 มก./ดล.

      - ถ้ามีความเสี่ยงระหว่าง ร้อยละ 10-20 จะเริ่มให้ยาเมื่อ LDL-C ≥ 130 มก./ดล. โดยมีเป้าหมายลดให้ต่ำกว่า 130 มก./ดล.

      - ถ้ามีความเสี่ยงมากกว่าร้อยละ 20 จะเริ่มใช้ยาเมื่อ LDL-C ≥ 130 มก./ดล. โดยมีเป้าหมายลดให้ต่ำกว่า 100 มก./ดล.
 

    ผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือมีความเสี่ยงเทียบเท่าผู้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (ได้แก่ 1. เบาหวาน, 2. โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากสมองขาดเลือด (ischemic stroke) เนื่องจากหลอดเลือดแดงที่คอมีการอุดกั้น, 3. โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย, 4. หลอดเลือดแดงใหญ่โป่ง หรือ 5. ผู้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจใน 10 ปีจากการคำนวณ***  เกินกว่าร้อยละ 20) จะเริ่มให้ยาลดไขมันเมื่อ LDL-C ≥ 130 มก./ดล. โดยมีเป้าหมายลดให้ต่ำกว่า 100 มก./ดล.
    ผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน จะเริ่มให้ยาลดไขมันเมื่อ LDL-C ≥ 100 มก./ดล. โดยมีเป้าหมายลดให้ต่ำกว่า 100 มก./ดล. กรณีมีโรคหัวใจขาดเลือดรุนแรงลดให้ต่ำกว่า 70 มก./ดล.

หลังให้ยาลดไขมัน 6-12 สัปดาห์ แพทย์จะติดตามตรวจหาระดับไขมันในเลือด และตรวจซ้ำทุก 3-6 เดือน พร้อมทั้งเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา และตรวจเลือดหาระดับเอนไซม์ตับ (AST, ALT) เป็นครั้งคราว

*กลุ่มอาการเมตาบอลิก (metabolic syndrome) ประกอบด้วย ภาวะเสี่ยงอย่างน้อย 3 ข้อ จาก 5 ข้อต่อไปนี้
1. ความดันโลหิตช่วงบน ≥ 130 มม.ปรอท และ/หรือความดันโลหิตช่วงล่าง ≥ 85 มม.ปรอท หรือกินยารักษาความดันโลหิตสูงอยู่
2. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง (FPG) ≥ 100 มก./ดล.
3. เส้นรอบเอว ≥ 90 ซม. ในผู้ชาย หรือ ≥ 80 ซม. ในผู้หญิง
4. ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ≥ 150 มก./ดล.
5. ระดับเอชดีแอลคอเลสเตอรอลในเลือด < 40 มก./ดล. ในผู้ชาย หรือ < 50 มก./ดล. ในผู้หญิง

กลุ่มอาการเมตาบอลิก พบได้มากขึ้นตามอายุ (อายุมากกว่า 60 ปี อาจพบมากถึงร้อยละ 40) และพบในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก (ดัชนีมวลกาย ≥ 25 กก./ตร.ม. พบได้ประมาณร้อยละ 20 ≥ 30 กก./ตร.ม. พบได้มากกว่าร้อยละ 50)

ผู้ที่มีกลุ่มอาการเมตาบอลิกมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver) ซึ่งอาจกลายเป็นตับอักเสบที่เรียกว่า “Non-aloholic steatohepatitis/NASH” ซึ่งในที่สุดอาจกลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้

การรักษา ปรับพฤติกรรมแบบเดียวกับโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ถ้าจำเป็นอาจต้องให้ยาควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่พบ

**ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑

*** มีวิธีคำนวณได้หลายสูตร สำหรับ "ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑" แนะนำให้ใช้สูตร Framingham Coronary Heart Disease Risk Score โดยคำนวณจากอายุ เพศ ประวัติการสูบบุหรี่ ค่าคอเลสเตอรอลรวม (total cholesterol) ค่าเอชดีแอลคอเลสเตอรอล (HDL) ค่าความดันโลหิตช่วงบน (systolic blood pressure) และประวัติการใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง (ดูวิธีคำนวณได้ที่นี่)


การดูแลตนเอง

ผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน สูบบุหรี่ หรือดื่มสุราจัด หรือมีพ่อแม่พี่น้องเป็นไขมันในเลือดผิดปกติ หรือมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ถ้ายังไม่เคยตรวจระดับไขมันในเลือด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจระดับไขมันในเลือด

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไขมันในเลือดผิดปกติ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ (ดู “ข้อปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยไขมันในเลือดผิดปกติ” ด้านล่าง)
    รักษา กินยาตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง รวมทั้งการใช้สมุนไพรและน้ำสมุนไพร เพราะอาจมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยาด้านลบกับยาลดไขมันที่แพทย์ใช้รักษาอยู่ประจำ จนอาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้ หากจำเป็นต้องใช้ยานอกจากยาที่ใช้ประจำหรือเมื่อมีอาการไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หรือถ่ายปัสสาวะสีเข้มคล้ายสีน้ำปลาหรือโคล่า
    มีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มคล้ายสีขมิ้น) อ่อนเพลีย ไข้สูง เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด
    มีอาการอื่น ๆ ที่สงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียงของยาที่ใช้ เช่น ลมพิษ ผื่นคัน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น เป็นต้น

ข้อปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยไขมันในเลือดผิดปกติ

1. ปรับพฤติกรรมในการบริโภคอาหาร โดยควบคุมปริมาณพลังงาน (แคลอรี่) จากไขมันเป็นร้อยละ 25-30 ของพลังงานทั้งหมด (โดยเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ 7 ของพลังงานทั้งหมด และกินคอเลสเตอรอลไม่เกิน 200-300 มก./วัน) พลังงานจากโปรตีนเป็นร้อยละ 12-15 ของพลังงานทั้งหมด ที่เหลือร้อยละ 55-65 เป็นพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต (ทางที่ดีควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น เมล็ดธัญพืช) ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติดังนี้

    งดหนังสัตว์ และเครื่องในสัตว์ทุกชนิด
    ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่ (เช่น หมู วัว) และหันมากินโปรตีนจากปลา ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง (เช่น เต้าหู้) แทนเป็นประจำ
    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือกินได้เล็กน้อยเป็นครั้งคราว ได้แก่ อาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวสูง เช่น หมูสามชั้น ขาหมู น้ำแกงต้มกระดูกหรือเนื้อสัตว์ ข้าวมันไก่ เป็ดย่าง แหนม แฮม หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (หอยนางรม กุ้ง ปู ปลาหมึก)
    ถ้านิยมดื่มนม ควรใช้นมพร่องมันเนย
    บริโภคน้ำมันถั่วเหลือง วันละ 1.5-2.5 ช้อนโต๊ะ โดยใช้น้ำมันชนิดนี้ปรุงอาหารที่บ้าน เพราะจะมีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหลายชนิดที่ช่วยลดระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอลในเลือด
    หลีกเลี่ยงการกินของทอดด้วยน้ำมันพืชซ้ำหลาย ๆ ครั้ง (เช่น มันฝรั่งทอด ปาท่องโก๋ เปาะเปี๊ยะ ทอดมัน) รวมทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่มีไขมันทรานส์ เช่น  เบเกอรี่ มาการีน เนยขาว (เนยเทียม) ครีมเทียม ขนมอบกรอบ เป็นต้น
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ ทุกมื้อ รวมทั้งเมล็ดธัญพืช (เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด ถั่วต่าง ๆ) ซึ่งมีเส้นใย (fiber) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน เงาะ ลำไย
    กินรำข้าวโอ๊ต เมล็ดแมงลัก หรือสารเพิ่มกากใย
    กินกระเทียมสดวันละ 1-2 หัวใหญ่ (สับโรยกินกับข้าว หรือผสมในน้ำจิ้มก็ได้) มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
    ควรลดการบริโภคน้ำตาลและของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง

2. ออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น วิ่งเหยาะ เดินเร็ว ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ อย่างน้อยครั้งละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง หรือวันเว้นวัน จะช่วยเพิ่มเอชดีแอลคอเลสเตอรอล ลดไตรกลีเซอไรด์และแอลดีแอลคอเลสเตอรอล

3. ถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินให้ลดน้ำหนักตัว

4. งดสูบบุหรี่

5. งดหรือลดดื่มแอลกอฮอล์ ในรายที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง ควรงดโดยเด็ดขาด

6. หาวิธีคลายเครียดด้วยการออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ สวดมนต์ ทำงานอดิเรก เป็นต้น ความเครียดเป็นปัจจัยเสริมทำให้ไขมันในเลือดสูงในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง

7. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ไขมันในเลือดสูง เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาปิดกั้นบีตา ยาเม็ดคุมกำเนิด สเตียรอยด์ เป็นต้น หากจำเป็น ควรให้แพทย์พิจารณา

การป้องกัน

    ลดการกินอาหารพวกไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง และงดกินไขมันทรานส์
    ลดการกินน้ำตาล ของหวาน ผลไม้รสหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม
    กินผักผลไม้และเมล็ดธัญพืชให้มาก ๆ
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดน้ำหนักถ้าอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน
    หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จัด
    ไม่สูบบุหรี่
    ออกกำลังกายเป็นประจำ


ข้อแนะนำ

1. ไขมันในเลือดผิดปกติ (dyslipidemia) ที่สำคัญมีอยู่ 3 แบบ ได้แก่ (1) ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (2) แอลดีแอลคอเลสเตอรอล (ไขมันชนิดร้าย) สูง (3) เอชดีแอลคอเลสเตอรอล (ไขมันชนิดดี) ต่ำ

คำว่า "ไขมันในเลือดสูง (hyperlipidemia)" ทางแพทย์นั้นหมายถึงแบบที่ (1) และ (2) เท่านั้น ไม่ได้หมายรวมถึงแบบที่ (3) เนื่องเพราะเอชดีแอลคอเลสเตอรอล (ไขมันชนิดดี) สูงนั้นมีผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งตรงกันข้ามกับเอชดีแอลคอเลสเตอรอลต่ำ ซึ่งถือว่าผิดปกติ เพราะมีผลเสียต่อสุขภาพ

แต่เนื่องจากโดยทั่วไปพบแบบที่ (1) และ (2) บ่อย จึงนิยมใช้คำว่า "ไขมันในเลือดสูง" จนคุ้นปาก และเป็นที่เข้าใจกันว่า "ไขมันในเลือดสูง" มีความหมายเดียวกับ "ไขมันในเลือดผิดปกติ" ซึ่งหมายรวมถึงความผิดปกติทั้ง 3 แบบ

ดังนั้น เมื่อตรวจพบว่ามี "ไขมันในเลือดสูง" ต้องแยกแยะให้ออกว่า เป็นไขมันในเลือดผิดปกติแบบใด เป็นชนิดไม่ดี (แอลดีแอลคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์) ที่สูง หรือ ชนิดดี (เอชดีแอลคอเลสเตอรอล) ที่ต่ำ หากไขมันชนิดดีสูง ไม่นับว่าเป็นโรคไขมันในเลือดสูงหรือผิดปกติ

2. เนื่องจากภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ มักไม่มีอาการแสดงเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่ามีสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี ก็ควรตรวจเช็กไขมันในเลือดตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปทุก 5 ปี

ในการตรวจเช็กไขมันในเลือด ควรอดอาหาร (ยกเว้นน้ำเปล่า) อย่างน้อย 12 ชั่วโมง และในระยะ 3 สัปดาห์ก่อนตรวจ ควรมีน้ำหนักตัวคงที่ บริโภคอาหาร เครื่องดื่ม และทำกิจวัตรประจำวันตามปกติที่เคยทำ ทั้งนี้จะได้พบว่า พฤติกรรมที่เป็นนิสัยปกตินั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือดหรือยัง

ถ้าผลเลือดปกติ สำหรับกลุ่มเสี่ยงควรตรวจซ้ำทุก 1-3 ปี ส่วนผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงควรตรวจทุก 5 ปี

3. แม้ว่าผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน จะมีความเสี่ยงสูงต่อการมีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ แต่ผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติหรือผอม หากมีปัจจัยเสี่ยงก็อาจมีภาวะดังกล่าวได้ หากไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการบริโภค ก็อาจเกี่ยวเนื่องกับความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูงมาก

4. ผู้ที่มีไขมันในเลือดผิดปกติ ควรได้รับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อควบคุมระดับไขมันให้ได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาการเมตาบอลิก) ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

5. การรักษาโรคนี้จำเป็นต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมเป็นพื้นฐาน หากไม่ได้ผลก็ควรใช้ยาลดไขมันควบคู่กันไป โดยแพทย์จะทำการเลือกใช้ยาและปรับขนาดของยาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย

โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ยาลดไขมันกลุ่มสแตติน (ได้แก่ ซิมวาสแตติน) เป็นอันดับแรก ถ้ามีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผล แพทย์จะเปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่นในกลุ่มสแตติน (เช่น อะทอร์วาสแตติน) และ/หรือเพิ่มยาลดไขมันกลุ่มอื่น (เช่น กรดนิโคตินิก, คอเลสไทรามีน, ยากลุ่มไฟเบรต เป็นต้น )

6. ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยากลุ่มสแตติน ได้แก่ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออักเสบ หรือมีระดับเอนไซม์ตับในเลือดสูง (ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นตับอักเสบ) 

ที่ร้ายแรง คือ ถ้าใช้ร่วมกับยาอื่น อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ อาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย (rhabdomyolysis มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อรุนแรง และปัสสาวะเป็นสีน้ำปลาหรือโคล่า) ซึ่งทำให้ไตวายเฉียบพลัน เป็นภาวะอันตรายร้ายแรงได้ 

การใช้ยาซิมวาสแตตินจึงมีข้อห้ามใช้ร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาลดไขมัน-เจมไฟโบรซิล (gemfibrocil), อีริโทรไมซิน, คลาริโทรไมซิน, ไอทราโคนาโซล, คีโทโคนาโซล, ไซโคสปอริน, ยาต้านไวรัสกลุ่ม protease inhibitors เป็นต้น


2
จัดฟันบางนา: รู้หรือไม่ ? ทำไมการจัดฟันแบบใส invisalign ถึงดีกว่าการจัดแบบอื่น !

การจัดฟันแบบใส invisalign เป็นการจัดฟันที่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นการวางแผนของการรักษาและการเคลื่อนตัวของฟัน ได้ 100 % ถึงทำให้ผลการรักษาออกมาประสบความสำเร็จและมีความแม่นยำเป็นอย่างมาก ไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และแก้ไขปัญหาของสภาพฟันได้ทุกกรณี ทำให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสและมรสุขภาพฟันที่ดีขึ้นอีกด้วย

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมการจัดฟันแบบใส invisalign ถึงดีกว่าการจัดฟันในรูปแบบอื่น ซึ่งการจัดแบบทั่วไปที่เราเห็นคือ มีการใส่เหล็กจัดฟันเข้าไปในช่องปาก แต่การจัดฟันแบบใส invisalign ทำให้มองแทบไม่เห้นเครื่องการจัดฟัน ทั้งยังสามารถถอดออกได้ด้วย นี่ก็เป็นจุดเด่นว่าทำการจัดฟันแบบใส ถึงดีกว่าการจัดฟันแบบอื่น นอกจากเครื่องมือที่แตกต่างกันแล้ว การจัดฟันแบบใสยังให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เป็นที่พึงพอใจของผู้เข้ารับการรักษา เพราะสามารถคาดการณ์ผลการรักษาได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตามการจัดฟันแบบใส ยังเหมาะสมกับไลพ์สไตล์ของคนในสมัยนี้อีกด้วย เพราะประหยัดเวลาในการเข้าพบทันตแพทย์ สามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจดดยแทบจะไม่เห้นเครื่องมือ รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องมีเรื่องกังวลว่าเหล็กจะหลุดขณะรับประทานอาหาร และยังมีความเจ็บปวดที่น้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่น

นอกจากนี้ การดุแลรักษาความสะอาดของช่องปาก ก็สามารถทำได้ง่ายเพราะสามารถถอดเครื่องมือออกได้ขณะที่แปรงฟัน และยังใช้ไหมขัดฟันได้ตามปกติ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี และเครื่องมือการจัดฟันแบบใส หรือ เทรย์นั้น สามารถถอดออกได้ และมีวิธีการดูแลรักษาที่ง่ายไม่ยุ่งยาก หากมีข้อสงสัยสามารถเข้ารับคำแนะนำจากทางคลีนิคได้ ทางเรายินดีให้คำปรึกษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

3
"มหาสารคาม" เมืองการศึกษา กับ รถรับจ้างมหาสารคาม

มหาสารคาม เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มหาสารคามได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา โดยมีมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ดึงดูดนักศึกษาและนักวิชาการจากทั่วประเทศเข้ามาเรียนและทำงานที่นี่

การเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษาและการเติบโตของประชากรนักศึกษา ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม หรือโครงสร้างพื้นฐาน หนึ่งในด้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือธุรกิจ รถรับจ้างขนของมหาสารคาม ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ได้สะดวกและรวดเร็ว

บทความนี้จะสำรวจเกี่ยวกับความสำคัญของเมืองมหาสารคามในฐานะเมืองการศึกษา รวมถึงบทบาทของรถรับจ้างขนของขนส่ง ที่มีส่วนในการสนับสนุนการเจริญเติบโตและการขยายตัวของเมือง โดยเราจะมองเห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองนี้ การเชื่อมต่อกับพื้นที่ต่างๆ และบทบาทที่สำคัญของธุรกิจรถรับจ้างขนของในการช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


รถรับจ้างขนของในมหาสารคามมีบทบาทสำคัญหลายด้านในสังคมและเศรษฐกิจของเมือง ดังนี้

1. การขนส่งสำหรับนักศึกษาและบุคลากร

มหาสารคามเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาบันการศึกษาชั้นนำ ทั้งมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆ จึงดึงดูดนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาจากทั่วประเทศเข้ามาอยู่และทำงานในพื้นที่นี้ รถรับจ้างขนของมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดเทอมและปิดเทอมใหญ่

เมื่อมีนักศึกษาใหม่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย การขนย้ายสิ่งของส่วนตัวจากบ้านมายังหอพักหรือที่พักอาศัยใหม่เป็นเรื่องสำคัญ รถรับจ้างขนของในมหาสารคามช่วยให้นักศึกษาเหล่านี้สามารถเคลื่อนย้ายของใช้ส่วนตัวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังช่วยนักศึกษาที่จบการศึกษาหรือย้ายไปที่อื่น ขนย้ายสิ่งของออกจากมหาสารคามไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ

สำหรับบุคลากรทางการศึกษา เช่น อาจารย์และเจ้าหน้าที่ รถรับจ้างขนของเป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อพวกเขาต้องเปลี่ยนที่ทำงานหรือย้ายบ้าน การบริการขนส่งที่เชื่อถือได้ช่วยให้พวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกและประหยัดเวลา โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขนย้าย


2. สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น

ธุรกิจท้องถิ่นในมหาสารคามเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและดึงดูดผู้คนจำนวนมากที่ต้องการสินค้าหรือบริการ รถรับจ้างขนของมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร หรือบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าหรือสถานที่อื่นๆ

ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารอาจต้องการขนส่งวัตถุดิบจากตลาดหรือผู้ผลิตไปยังร้านของตน หรือบริษัทที่ทำธุรกิจค้าปลีกอาจต้องการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าหรือสาขาอื่นๆ รถรับจ้างขนของในมหาสารคามมีความยืดหยุ่นในการให้บริการ สามารถปรับตัวตามความต้องการของธุรกิจและช่วยให้การขนส่งเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพรถกระบะรับจ้างขนของ


3. การขนส่งวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง

เมืองมหาสารคามกำลังอยู่ในช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยโครงการก่อสร้างและพัฒนาสาธารณูปโภคหลายแห่งที่กำลังดำเนินการ รถรับจ้างขนของมหาสารคาม มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการเหล่านี้ โดยช่วยในการขนส่งวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ อิฐ และอุปกรณ์ต่างๆ จากแหล่งผลิตหรือร้านค้าจำหน่ายไปยังไซต์งานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ

การที่รถรับจ้างขนของสามารถนำส่งวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ตรงตามเวลา มีส่วนช่วยให้โครงการก่อสร้างสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ การส่งมอบวัสดุที่รวดเร็วและตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงการล่าช้าและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นจากการรอวัสดุ นอกจากนี้ รถรับจ้างขนของยังมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามความต้องการของผู้รับเหมาก่อสร้างและสามารถรับมือกับงานที่มีขนาดและความซับซ้อนที่แตกต่างกันได้


4. การเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆ

รถรับจ้างขนของในมหาสารคามมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อเมืองกับพื้นที่อื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทั่วประเทศ รถรับจ้างขนของสามารถนำส่งสินค้าจากมหาสารคามไปยังเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคหรือรับสินค้าจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาส่งให้กับธุรกิจและประชาชนในเมือง

การเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆ ผ่านการขนส่งที่เชื่อถือได้ช่วยให้การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ผู้ประกอบการและธุรกิจต่างๆ สามารถพึ่งพารถรับจ้างขนของในการขนส่งสินค้าระหว่างเมืองโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าหรือการสูญเสียสินค้า ความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างเมืองต่างๆ ยังส่งผลให้มหาสารคามกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการพัฒนาที่สำคัญในภูมิภาค


5. การสนับสนุนงานและกิจกรรมต่างๆ

รถรับจ้างขนของในมหาสารคามมีบทบาทในการสนับสนุนการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมือง ไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลประจำปี งานกิจกรรมของมหาวิทยาลัย หรืองานชุมชน บริการรถรับจ้างขนของช่วยให้การขนย้ายอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการจัดงานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วรวมผลงานรถรับจ้าง

ในช่วงเทศกาลหรืองานสำคัญของเมือง รถรับจ้างขนของช่วยในการขนย้ายเวที เต็นท์ อุปกรณ์แสงสีเสียง และสิ่งของอื่นๆ ที่ใช้ในการจัดงาน โดยการบริการที่รวดเร็วและตรงต่อเวลา นอกจากนี้ รถรับจ้างขนของยังสามารถช่วยขนย้ายของหลังจากงานเสร็จสิ้น ช่วยให้การจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จ

ด้วยบทบาทหลากหลายดังกล่าว รถรับจ้างขนของมหาสารคาม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนการเจริญเติบโตของเมืองและการดำเนินชีวิตของผู้คนในชุมชน

ต้องการขนย้ายสิ่งของหรืออุปกรณ์ก่อสร้าง? เราช่วยคุณได้! ที่ขนส่ง เราให้บริการขนของทุกชนิดอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นขนย้ายบ้าน ย้ายหอ หรือขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจ เราพร้อมให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพและอุปกรณ์ครบครัน

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
ภาวะก่อนโรคเบาหวาน เป็นได้แบบไม่รู้ตัว

หลายคนรู้จักโรคเบาหวาน แต่สำหรับภาวะก่อนเบาหวานที่ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคเบาหวานอาจเป็นเรื่องที่ถูกละเลย ซึ่งการรู้เท่าทันและดูแลป้องกันเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงลดความเสี่ยงการเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานเรื้อรัง ยังช่วยให้ใส่ใจควบคุมระดับน้ำตาลให้ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ที่ทำร้ายสุขภาพ

ภาวะก่อนเบาหวานคืออะไร

ภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) หรือเรียกอีกชื่อว่าภาวะเบาหวานแฝง คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ จากการที่ระบบควบคุมน้ำตาลของร่างกายทำงานผิดปกติ แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่เป็นผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองอยู่ในภาวะนี้ จึงขาดการดูแลอย่างถูกต้อง รู้อีกทีอาจป่วยเป็นโรคเบาหวานไปแล้ว และที่สำคัญ ภาวะก่อนเป็นเบาหวานนี้จะสามารถทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคสมองและหลอดเลือดได้ด้วย

สาเหตุของภาวะก่อนเบาหวานคืออะไร

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะก่อนเบาหวาน แต่การที่ระดับน้ำตาลในร่างกายเกิดความผิดปกติ โดยเฉพาะตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย รวมถึงการที่กระบวนการของร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินช้า ส่งผลให้เกิดภาวะก่อนเบาหวานได้ นอกจากนี้กรรมพันธุ์ ภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ ไขมันสูง ขาดการออกกำลังกาย ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะก่อนเบาหวานได้

กลุ่มเสี่ยงภาวะก่อนเบาหวานคือใคร

    ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
    ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ภาวะอ้วน
    ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
    ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
    ผู้ที่มีกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่
    ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเบาหวาน
    ผู้ที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์
    ผู้ที่สูบบุหรี่

อาการภาวะก่อนเบาหวานเป็นอย่างไร

    กระหายน้ำ
    ปัสสาวะบ่อย
    หิวบ่อย
    อ่อนเพลีย
    มองเห็นภาพไม่ชัด
    หรือไม่มีอาการใด ๆ เลย

ตรวจวินิจฉัยภาวะก่อนเบาหวานได้อย่างไร

แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยภาวะก่อนเบาหวานโดย

    ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารและเครื่องดื่ม 8 ชั่วโมง (Fasting Plasma Glucose) โดยระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารที่มีภาวะก่อนเบาหวานจะอยู่ระหว่าง 100 – 125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
    ตรวจความทนต่อน้ำตาลกลูโคส (Oral Glucose Tolerance Test) โดยจะให้ดื่มน้ำละลายกลูโคสแล้วตรวจดูระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดหลังดื่ม หากมีภาวะก่อนเบาหวานค่าที่ได้จะอยู่ที่ 140 – 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
    ตรวจระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (HbA1C) เพื่อบอกระดับน้ำตาลในเลือดตลอดช่วง 3 เดือน หากมีภาวะก่อนเบาหวานระดับที่ได้จะอยู่ระหว่าง 5.7 – 6.4%

วิธีการรักษาภาวะก่อนเป็นเบาหวาน

การรักษาภาวะก่อนเป็นเบาหวานแพทย์มักเน้นให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมเป็นหลัก ได้แก่

    ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
    ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
    ลดอาหารหวาน มัน เค็ม
    งดสูบบุหรี่
    หากปรับพฤติกรรมแล้วไม่ได้ผล แพทย์อาจให้รับประทานยาร่วมด้วย

ป้องกันภาวะก่อนเป็นเบาหวานอย่างไร

    ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
    ในกรณีที่มีความเสี่ยงควรตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดทุก 3 เดือน
    คุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 140 / 90 มิลลิเมตรปรอท
    รักษาระดับไขมันในเลือดไม่ให้สูงจนเกินเกณฑ์
    กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 – 8 ชั่วโมง

6
เด็กควรงดรับประทานลูกอม ขณะเข้ารับการจัดฟันเด็ก

หากพูดถึงเรื่องปัญหาฟันผุ บางคนอาจนึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรงมากที่ตัวเองมีประสบการณ์มาในอดีต หรือบางคนอาจนึกถึงภาพฟันเป็นรูบิ่นแตก และมีสีดำสกปรก ไม่น่าดู และทำให้เสียบุคลิกภาพมาจนถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพ มีสุขภาพฟันที่ไม่ดี โดยปัจจัยของการเกิดฟันผุนั้น หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า การรับประทานลูกอมหรือขนมหวานอาจจะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย

ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะปลูกฝังให้เด็ก งดการรับประทานลูกอม แต่สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ ได้แก่ เชื้อโรคหรือเชื้อจุลินทรีย์ ถึงแม้ว่าจะมีเชื้อในปากอยู่มากมายหลายชนิด แต่มีเชื้อเฉพาะที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ และพบมีเชื้อชนิดนี้มากในปากของคนที่ฟันผุมาก รวมไปถึงน้ำตาล ซึ่งเป็นอาหารเฉพาะสำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ จำเป็นสำหรับการดำรงชีพและการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าว ซึ่งเมื่อเชื้อใช้น้ำตาลแล้วจะเปลี่ยนแปลงทางเคมีให้สารสุดท้ายเป็นกรดอินทรีย์ และสามารถทำลายหรือสลายแร่ธาตุของฟันต่อไป ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะต้องใช้เวลานานพอที่การสลายแร่ธาตุของฟันมีการสูญเสียมาก จนเกิดเป็นรูฟันขึ้นอย่างถาวรในที่สุด

ดังนั้น การรับประทานลูกอมในเด็กนั้น จึงเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุได้ง่าย ยิ่งถ้าเด็กได้รับประทานในปริมาณที่มาก และไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ไม่ดีเท่าที่ควรด้วย ก็จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฟันผุและปัญหาอื่นๆตามมาได้ในอนาคต ซึ่งโรคฟันผุ พบมากในเด็ก ซึ่งเป้นวัยที่อาจจะยังแปรงฟันได้ไม่ถูกวิธี หรือละเลยการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงทำให้เกิดฟันผุจนถึงขั้นสูญเสียฟันไปในที่สุด ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึง การปลูกฝังให้เด็กงดรับประทานลูกอม ในขณะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งข้อนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลไม่ให้เด็กรับประทานลูกอม

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเด็กในสมัยนี้มีฟันผุมาก เนื่องจากยังไม่เข้าใจวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ถูกต้อง ประกอบกับพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะละเลยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน จนทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี พ่อแม่หลายคนคิดว่า ฟันน้ำนมของเด็กไม่มีความสำคัญ เพราะคิดว่า ยังไงก็จะมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่อยู่แล้ว แต่ความคิดดังกล่าวถือว่าเป้นความคิดที่ผิดอย่างมาก เพราะฟันน้ำนมของเด็ก มีผลต่อการขึ้นขอองฟันแท้

ถ้าหากฟันน้ำนมหลุดออกก่อนวัยอันควร จะส่งผลให้ฟันแท้ที่กำลังสร้างฐานฟันแท้ไม่สมบูรณ์ จนอาจจะเกิดภาวะฟันแท้หายได้ เนื่องจากฟันแท้ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น การดูแลเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้สะอาด ควรเป้นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรที่จะมองข้าม และยิ่งเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยแล้ว การรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน จึงเป้นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งต้องทำความสะอาดให้ดีทุกซอกทุกมุม และในเรื่องของการรับประทานอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญมากเช่นเดียว 

นอกจากนี้ การรับประทานลูกอม ขนมหวาน หรือแม้กระทั่งน้ำอัดลม เพราะน้ำตาลที่เด้กรับประทานเข้าไป นอกจากจะใช้เป็นพลังงานในการเจริญเติบโตของเชื้อ และทำปฏิกิริยาทางเคมีให้สารสุดท้ายเป็นกรดอินทรีย์ปล่อยออกมานอกเซลล์ของเชื้อจุลินทรีย์ ไปสลายแร่ธาตุของฟันแล้ว เชื้อจุลินทรีย์จะใช้อีกส่วนหนึ่งของน้ำตาลสร้างเป็นชั้นเมือกเหนียวติดบนตัวฟัน เพื่อให้เป็นที่ยึดเกาะทับถมเพิ่มจำนวนเชื้อบนฟันในรูปของคราบจุลินทรีย์


ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำปฏิกิริยาในการทำลายฟันมากขึ้นไปอีก ดังนั้น พ่อแม่ควรให้เด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก งดรับประทานไปเลย เพื่อที่จะเซฟในเรื่องของเครื่องมือ และทำให้สามารถความสะอาดได้อย่างเต็มที่ และให้เด็กงดการรับประทานอาหารที่มีความหวาน ลูกอม หรือน้ำอัดลม ควรให้เด้กรับประทานอาหารว่าง จำพวกผลไม้ดีกว่ารับประทานอาหารที่เป้นโทษต่อฟันของเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพฟันและสุขภาพร่างกายที่ดี ให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่ มีรอยยยิ้มที่สดใสสมวัยได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเราอยากเด็กมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีฟันที่เรีงตัวกันอย่างสวยงามเป้นธรรมชาติ มีบุคลิกภาพที่สดใสมั่นใจ และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น

7
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


8
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


9
Doctor At Home: หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน (Acute labyrinthitis)

หูชั้นใน (inner ear/labyrinth) ประกอบด้วยอวัยวะ 2 ส่วน ได้แก่ อวัยวะหอยโข่ง (cochlea) ซึ่งควบคุมเกี่ยวกับการได้ยิน กับหลอดกึ่งวง (semicircular canals) 3 อัน ซึ่งควบคุมเกี่ยวกับการทรงตัว โดยมีเส้นประสาทเชื่อมต่อกับสมอง เส้นประสาทแขนงที่เชื่อมระหว่างอวัยวะที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว (ในหูชั้นใน) กับสมองมีชื่อว่า เส้นประสาทการทรงตัว (vestibular nerve)

ทั้งหูชั้นในและเส้นประสาทการทรงตัวอาจเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุนอย่างรุนแรงคล้ายกัน ต่างกันตรงที่หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน (ซึ่งมีการอักเสบของเส้นประสาทการทรงตัวร่วมกับประสาทการได้ยิน) จะมีอาการหูตึงและมีเสียงดังในหูร่วมด้วย ในขณะที่เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบจะมีอาการบ้านหมุนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 โรคนี้มีสาเหตุและการดูแลรักษาในแนวเดียวกัน

โรคทั้ง 2 ชนิดนี้ พบได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยกลุ่มอายุ 30-60 ปี

หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน,เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ

สาเหตุ

อาการผิดปกติเกิดจากหูชั้นใน/เส้นประสาทการทรงตัวมีการอักเสบ ทำให้กระทบต่อการส่งสัญญาณไปที่สมองของประสาทการทรงตัวและประสาทการได้ยิน (สำหรับโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน) หรือการส่งสัญญาณของประสาทการทรงตัวเพียงอย่างเดียว (สำหรับโรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ) ทำให้เกิดอาการผิดปกติของการทรงตัวและการได้ยิน (สำหรับโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน) หรืออาการผิดปกติของการทรงตัวเพียงอย่างเดียว (สำหรับโรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ)

ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส ที่พบบ่อยคือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น นอกจากนี้อาจเกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น คางทูม หัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส เริม งูสวัด ตับอักเสบจากไวรัส เอชไอวี เป็นต้น

ส่วนน้อยอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น หูชั้นกลางอักเสบจากแบคทีเรีย โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย) ซึ่งพบว่าผู้มีความเสี่ยงต่อการเป็นหูชั้นในอักเสบจากแบคทีเรีย คือ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และมักทำให้เกิดโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันมากกว่าเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ

นอกจากนี้ บางรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่เป็นหูชั้นในอักเสบ ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ (เช่น การบาดเจ็บที่หูหรือศีรษะ การผ่าตัดหู) บางรายอาจพบร่วมกับโรคภูมิต้านตนเอง (เช่น เอสแอลอี ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง)

ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด มีความเครียดจัด ร่างกายเหนื่อยล้าเป็นประจำ มีประวัติโรคภูมิแพ้ หรือกินยาบางชนิด (เช่น แอสไพริน ยาต้านซึมเศร้า ยารักษาเบาหวานบางชนิด) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันมากขึ้นกว่าปกติ

อาการ

หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการเวียนศีรษะ เห็นบ้านหมุนอย่างฉับพลันและรุนแรงติดต่อกันนานเป็นวัน ๆ มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการทรงตัว (ลุกนั่ง ยืน เดิน ทรงตัวไม่ได้ มักจะเซล้มไปข้างหนึ่ง) ร่วมกับมีเสียงในหู (หูอื้อ) และ/หรือหูตึง (ได้ยินเสียงที่มีความถี่สูงไม่ชัด) ในหูข้างหนึ่ง และอาจมีอาการตากระตุก (มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของดวงตาซึ่งเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ตั้งใจ) ร่วมด้วย

ผู้ป่วยมักมีอาการรุนแรงจนต้องนอนพัก ลุกขึ้นเดินลำบากและทำงานไม่ได้ ซึ่งมักจะเป็นอยู่นาน 2-3 วัน บางรายอาจนานถึง 1 สัปดาห์

ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่พบว่าจะมีอาการบ้านหมุนเกิดขึ้นหลังเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น บางรายอาจมีประวัติเป็นโรคติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ หรือหูชั้นกลางอักเสบมาก่อน

เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ มีอาการแบบเดียวกับหูชั้นในอักเสบเฉียบพลันดังกล่าวข้างต้น แต่จะไม่มีอาการหูตึงและเสียงดังในหูร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และจะหายได้เป็นปกติ และมักไม่กลับมากำเริบอีก

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ ได้แก่

    ขณะที่มีอาการอย่างฉับพลันและรุนแรง อาจทำให้ทำงานหรือขับรถไม่ได้ หรืออาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือหกล้มได้
    ในรายที่มีอาการอาเจียนมาก อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
    บางรายหลังจากอาการทุเลาลงแล้ว อาจมีอาการของบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า (บีพีพีวี) ตามมา ซึ่งจะมีอาการไม่รุนแรง แต่จะเป็นเรื้อรังอยู่นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ๆ
    สำหรับผู้ที่เป็นหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน อาจมีอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างถาวร ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก และมักจะพบในรายที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (โรคหูน้ำหนวกเรื้อรัง) เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย

ส่วนในรายที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างถาวร ที่อาจพบได้ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดที่บริเวณหู

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจหู ตา และระบบประสาท)

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก ได้แก่ อาการบ้านหมุนที่เกิดขึ้นฉับพลันและรุนแรง ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการทรงตัว ลุกนั่งไม่ได้ โดยมีอาการต่อเนื่องกันนานเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ และมักมีประวัติว่าเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น หรือหูชั้นกลางอักเสบมาก่อนที่จะมีอาการบ้านหมุน

การตรวจดูตา อาจพบอาการตากระตุก

ในรายที่มีอาการบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า (บีพีพีวี) ซึ่งพบในระยะหลังของโรค การทดสอบดิกซ์ฮอลล์ไพก์ (ดู "โรคบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า/บีพีพีวี" เพิ่มเติม) มักจะให้ผลบวก คือกระตุ้นให้เกิดอาการบ้านหมุนและตากระตุก

ในรายที่ยังวินิจฉัยไม่ได้ชัดเจน มีอาการแย่ลงหรือนานกว่า 3 สัปดาห์ หรือสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น (เช่น โรคทางสมอง โรคทางหูชนิดอื่น ๆ) แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตรวจสมรรถภาพของการได้ยิน (audiometry) ตรวจความผิดปกติของหูชั้นในที่เกี่ยวกับการทรงตัว (เช่น electronystagmograp hy/ENG, video head impulse test) ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

1. ในรายที่อาการไม่รุนแรง และยังกินอาหารดื่มน้ำได้ ลุกขึ้นเดินได้ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลตนเอง และให้การรักษาตามอาการ เช่น ไดเมนไฮดริเนต, ไดเฟนไฮดรามีน, ไดอะซีแพม ครั้งละ 1-2 เม็ด ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง จนกว่าจะทุเลาก็จะหยุดยา (ส่วนใหญ่อาจใช้ยาอยู่เพียง 2-3 วัน)

2. ในรายที่มีอาการบ้านหมุน อาเจียนรุนแรง ลุกขึ้นเดินไม่ได้ หรือกินอาหารไม่ได้/ดื่มน้ำไม่ได้, มีอาการหูตึงอย่างฉับพลัน ปวดหูหรือมีหนองไหลออกจากหู, มีอาการเดินเซ ปวดศีรษะมาก เห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ หรือแขนขาชา/อ่อนแรง, เป็นเริม/งูสวัด/อีสุกอีใส/โรคภูมิต้านตัวเอง, มีอาการหลังได้รับบาดเจ็บ หรือสงสัยเป็นโรคทางสมอง (เช่น โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกสมอง) อย่างใดอย่างหนึ่ง แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม และให้การรักษาดังนี้

    ให้ยารักษาตามอาการ อาจต้องใช้ยาฉีด เช่น ไดอะซีแพม หรือโพรคลอร์เพอราซีน (prochlorperazine) เมื่อดีขึ้นค่อยเปลี่ยนเป็นยาเม็ดไดเมนไฮดริเนต หรือโพรคลอร์เพอราซีน ให้กินต่อจนกว่าจะหายเป็นปกติ
    ในรายที่มีอาการอาเจียนบ่อย กินอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ แพทย์จะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
    ในรายที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริม งูสวัด หรืออีสุกอีใส แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัส เช่น ให้อะไซโคลเวียร์
    สำหรับผู้ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งแก้ไขภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
    ในรายที่มีอาการหูตึง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสเตียรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) เพี่อลดการอักเสบของประสาทหู บางรายแพทย์อาจใช้วิธีฉีดยาสเตียรอยด์ผ่านเยื่อแก้วหูเข้าไปในหูชั้นกลาง
    ในรายที่มีอาการรุนแรงมากหรือสงสัยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (ปวดศีรษะและอาเจียนรุนแรง คอแข็ง ซึม ชัก) แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

3. ในรายที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับประสาทการทรงตัวเรื้อรังนานเป็นเดือน ๆ หรือเป็นแรมปี แพทย์จะให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูประสาทการทรงตัว (vestibular rehabilitation)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่อาการจะทุเลาลงภายใน 1-3 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติใน 1-2 เดือน

บางรายอาจมีอาการเมารถเมาเรือง่าย หรือมีอาการบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่าหรือบีพีพีวี อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ อยู่นานหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ๆ หรืออาจมีอาการสูญเสียการทรงตัวนานเป็นแรมเดือนแรมปี แล้วหายไปได้เองในที่สุด

ส่วนอาการหูตึงส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ทุเลาจนหายเป็นปกติ มีน้อยรายที่อาจมีอาการหูตึงหรือหูหนวกอย่างถาวร ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรีย บางรายอาจมีอาการมีเสียงในหูอย่างถาวร


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการทรงตัว และอาจมีอาการหูตึง มีเสียงดังในหูร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน/เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการขับรถ การทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร และการปีนขึ้นที่สูง
    อย่าเคลื่อนไหวศีรษะเร็ว ๆ และหลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการ (เช่น การเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว การก้มหรือเงยคอ การหันหน้าไปจนสุด)
    ขณะมีอาการควรนอนนิ่ง ๆ และหลับตาในห้องที่เงียบ ๆ มืด ๆ จนกว่าจะทุเลา
    ดื่มน้ำให้มากพอ โดยจิบทีละน้อยแต่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
    ควรกินอาหารเหลว (เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม) ดื่มนม น้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ ทีละน้อยแต่บ่อย ๆ เพื่อลดอาการอาเจียน
    หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ แสงสว่างจ้าหรือแสงกะพริบ เสียงรบกวน การดูทีวีและจอคอมพิวเตอร์ การอ่านหนังสือ สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด
    เมื่ออาการเริ่มทุเลาลง ควรค่อย ๆ ลุกขึ้น ควรมีคนคอยพยุงเวลาลุกขึ้นเดิน     

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการบ้านหมุนรุนแรง อาเจียนมาก กินไม่ได้ หรือดื่มน้ำไม่ได้ หรือลุกขึ้นนั่งไม่ได้ (ต้องนอนนิ่งบนเตียง) นานเป็นวัน ๆ
    มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ตาเห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ แขนขาชาหรืออ่อนแรงข้างหนึ่ง เป็นลม ชัก เป็นต้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ดูแลรักษานาน 1 สัปดาห์แล้วอาการไม่ทุเลา
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีการป้องกันที่ได้ผลเต็มที่

                 อาจลดความเสี่ยงลงด้วยการปฏิบัติตัว ดังนี้

    ดูแลตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และหูชั้นกลางอักเสบ และหากเป็นโรคเหล่านี้ควรดูแลรักษาให้ได้ผลแต่เนิ่น ๆ
    ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ หัด หัดเยอรมัน คางทูม อีสุกอีใส
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และหาทางผ่อนคลายความเครียด


ข้อแนะนำ

1. อาการบ้านหมุนมักมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหูชั้นใน ซึ่งอาจมีสาเหตุหลายประการด้วยกัน หากมีอาการบ้านหมุนรุนแรง หรือเป็นครั้งละนานมากกว่า 20 นาที เป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หูตึง มีเสียงดังในหู หรือสูญเสียการทรงตัว มักจะไม่ใช่มีสาเหตุจากโรคบ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า (บีพีพีวี) แต่อาจเกิดจากโรคเมเนียส์ หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน หรือเนื้องอกประสาทหูได้ ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุ

2. โรคหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน/เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ และโรคเมเนียส์ มีอาการบ้านหมุนอย่างฉับพลันและรุนแรง ร่วมกับอาการหูตึง มีเสียงดังในหู สูญเสียการทรงตัว และคลื่นไส้ อาเจียนคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน/เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ จะเป็นติดต่อกันนาน 2-3 วัน และเมื่อหายแล้วมักจะไม่มีอาการกำเริบใหม่ (ถ้าพบว่ามีอาการกำเริบใหม่ มักจะเกิดจากสาเหตุอื่น) ส่วนโรคเมเนียส์มักจะมีอาการนานครั้งละไม่กี่นาทีถึงหลายชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และจะมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราวอยู่เรื่อย ๆ

3. ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีอาการรุนแรงอยู่ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ทุเลาลง เมื่อรู้สึกทุเลาค่อนข้างดีแล้ว ควรหยุดยาที่ใช้บรรเทาอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ควรกินต่อเนื่องไปนาน ๆ เพราะอาจทำให้ประสาทการทรงตัวฟื้นตัวได้เนิ่นช้าไป และผู้ป่วยควรลุกขึ้นเดินและเคลื่อนไหวร่างกายโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นคืนสู่ปกติได้เร็ว

10
การจัดฟันเด็ก เครื่องมือกันฟันล้มในเด็ก คืออะไร

เด็กไทยส่วนใหญ่ มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน โดยเฉพาะเรื่องของการเกิดฟันผุ ถือว่าพบมากในเด็ก ส่วนใหญ่จะมีฟันผุตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันน้ำนมผุ มาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งอาจจะเริ่มต้นตั้งแต่วัยทารก เช่น การปล่อยให้เด็กนอนหลับคาขวดนม ทำให้น้ำตาลที่อยู่ในนม สามารถเข้าไปทำลายเคลือบฟันของเด็กได้ เพราะคราบจุลินทรีย์จะย่อยน้ำตาลในนมที่ค้างอยู่บนผิวฟัน ทำให้เกิดการสะสมของกรด ละลายผิวฟันเป็นรู นอกจากนี้ ปัญหาฟันน้ำนมผุ ยังอาจเกิดได้จากโครงสร้างของฟันเด็กที่ไม่สมบูรณ์ และสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เด็กไทยสมัยนี้มีฟันผุง่ายก็คือ การรับประทานขนมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเยอะ เคี้ยวลูกอม หมากฝรั่ง  แล้วไม่ยอมแปรงฟันหรือทำความสะอาดช่องปากและฟันไม่ดีเท่าที่ควร 

ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน มักมีความเชื่อผิดๆ ว่า เดี๋ยวฟันน้ำนมก็ต้องหลุดไป มีฟันแท้มาแทนที่ จึงไม่ได้ใส่ใจการรับประทานขนมและการแปรงฟันของลูกมากนัก และลูกก็ยังไม่สามารถทำความสะอาดฟันอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้ฟันผุได้ง่าย จนบางครั้งอาจจะทำให้เกิดการสูญเสียฟันตั้งแต่อายุยังน้อย หรือสูญเสียฟันน้ำนมก่อนเวลาอันควร ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะส่งผลต่อลักษณะการขึ้นของฟันแท้ อาจจะทำให้เกิดฟันเก ฟันซ้อน หรือฟันแท้หายได้ ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรรีบพาบุตรหลานเข้ารับการแก้ไข หรืออาจจะพาลูกเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพราะในวัยเด็กก็สามารถข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี เพราะเด็กในวัยนี้มักจะมีปัญหาในเรื่องของฟันผุมาก ซึ่งนอกจากการจัดฟันในเด็กแล้ว ก็ยังมีตัวช่วยซึ่งเป้นเครื่องมือที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันล้มได้ บางครั้งเด็กที่มฟันผุและสูญเสียฟัน มีโอกาสที่จะเกิดฟันล้มได้สูง ดังนั้น เครื่องมือดังกล่าว ก็สามารถป้องกันฟันล้มได้

ซึ่งเครื่องมือกันฟันล้มนั้น เด็กควรใส่ก็ต่อเมื่อมีการสูญเสียฟันน้ำนมก่อนวัยอันควร โดยทันตแพทย์จะพิจารณาให้ใส่เครื่องมือกันช่องว่างระหว่างฟัน เพื่อป้องกันเอาไว้ เพราะถ้าหากปล่อยไว้และไม่ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม อาจจะทำให้เกิดปัญหาฟันล้มเอียงมาทางช่องว่างระหว่างฟันนั้น ทำให้ฟันแท้ขึ้นผิดตำแหน่ง ฟันซ้อนเกทำให้สูญเสียความสวยงาม และอาจจะทำให้เด็กมีนิสัยที่ผิดปกติ เช่น เอาลิ้นมาดุนช่องว่างที่เกิดขึ้น กระดูกเบ้าฟันหนาตัว มีผลให้ฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้ขึ้นช้ากว่าปกติได้


อย่างไรก็ตาม เครื่องมือกันฟันล้มนี้ ก็มีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบถอดได้ เครื่องมือคงสภาพฟันชนิดที่สามารถใส่และถอดมาทำความสะอาดได้เอง กับอีกแบบหนึ่งคือ แบบติดแน่น เครื่องมือคงสภาพชนิดติดแน่น ไม่สามารถถอดเครื่องมือออกได้ ซึ่งเครื่องมือกันฟันล้มนี้ มีประโยชน์คือ สามารถช่วยรักษาช่องว่างระหว่างฟันได้ ช่วยทำให้ฟันแท้ขึ้นได้ตามปกติและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ป้องกันปัญหาฟันเกหรือฟันขึ้นผิดที่ได้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มาก นอกจากนี้ เมื่อเด็กติดตั้งเครื่องมือกันฟันล้มในช่องปากแล้ว พ่อแม่หลายคนกังวลว่าเจ็บไหม

บอกเลยว่า ไม่เจ็บ แต่อาจจะทำให้รู้สึกรำคาญได้ในช่วงแรก ซึ่งเด็กมักปรับตัวได้เร็ว สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดที่มีบุตรหลานของท่านมีปัญหาฟันล้ม ก็สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการใช้เครื่องมือกันฟันล้ม หรือถ้าหากอยากแก้ไขปัญหาฟันในเด็กในระยะยาว ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ เพราะถือว่า การจัดฟันในเด็ก จะสามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้ดีกว่า และยังช่วยเสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันในเด็กได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ที่จะคอยให้คำแนะนำและวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง สามารถช่วยพูดทำความเข้าใจและสร้างทัศนคติให้เด็กเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันได้ เพื่อให้เด็กได้มีความเข้าใจและรักษาความสะอาดฟันได้อย่างถูกต้อง เพื่อทำให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

11
Doctor At Home: มะเร็งกระดูก (Bone cancer)

มะเร็งกระดูก ในที่นี้หมายถึงมะเร็งที่เกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อของกระดูกเอง (ไม่หมายรวมถึงมะเร็งที่แพร่มาจากอวัยวะอื่น) เป็นมะเร็งที่พบได้น้อย (พบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของมะเร็งทั้งหมด และมะเร็งกระดูกในเด็กพบได้ร้อยละ 3-5 ของมะเร็งที่พบในเด็กทั้งหมด) พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย

มะเร็งกระดูกมีอยู่หลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นมะเร็งเซลล์กระดูก (osteosarcoma) ซึ่งพบมากในเด็กและวัยหนุ่มสาว โดยเฉพาะช่วงอายุ 10-20 ปี ส่วนน้อยเป็นมะเร็งเซลล์กระดูกอ่อน (chrondosarcoma) ซึ่งพบในคนอายุมากกว่า 50 ปี นอกนั้นอาจพบมะเร็งของเซลล์ชนิดอื่น ๆ


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ พบว่าผู้ที่เป็นโรคกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น Li-Fraumeni syndrome, มะเร็งลูกตาในเด็ก (retinoblastoma) เป็นต้น มีโอกาสเป็นมะเร็งกระดูกมากขึ้น
    โรคกระดูกบางชนิด เช่น โรคพาเจตของกระดูก (Paget's disease of bone เป็นภาวะผิดปกติของเนื้อเยื่อกระดูก ทำให้กระดูกหนา และเปราะแตกหักง่าย) ซึ่งพบในคนอายุมากกว่า 50 ปี พบว่าผู้ที่เป็นโรคนี้มีโอกาสเป็นมะเร็งเซลล์กระดูก (osteosarcoma) ประมาณร้อยละ 1
    การมีประวัติเคยได้รับการฉายรังสีรักษามะเร็งชนิดอื่นมาก่อน

อาการ

อาการแรกเริ่ม คืออาการปวดกระดูกตอนกลางคืน หรือตอนมีการใช้งานของแขนขา ซึ่งมักจะเป็นอย่างต่อเนื่อง ต่อมาจะพบว่ามีก้อนแข็งหรือปุ่มยื่นออกมาจากกระดูก ส่วนใหญ่พบที่กระดูกขา (บริเวณรอบ ๆ เข่า) และกระดูกแขน ส่วนน้อยพบที่บริเวณอื่น

บางรายอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกแตกหรือหักจากการกระทบกระแทกเล็กน้อย จนเข้าใจผิดว่าเป็นกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุทั่วไป หากไม่ได้รับการรักษา มะเร็งเซลล์กระดูกอาจแพร่กระจายไปที่ปอด ทำให้มีอาการหอบเหนื่อย


ภาวะแทรกซ้อน

ทำให้มีอาการเจ็บปวด กระดูกหัก ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง

มะเร็งแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่อวัยวะอื่น ที่พบบ่อยคือไปที่ปอด ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ภาวะมีน้ำหรือเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอด หายใจลำบาก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการเอกซเรย์ สแกนกระดูก และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นหลัก ถ้ามะเร็งมีขนาดเล็กจะทำการผ่าตัดกระดูกเฉพาะส่วนที่เป็นมะเร็งออกไป แล้วนำเนื้อเยื่อกระดูกปกติหรือกระดูกเทียมมาใส่แทน แต่ถ้ามะเร็งมีขนาดใหญ่ก็จำเป็นต้องตัดแขนหรือขาที่เป็นมะเร็งออกไป แล้วใส่แขนหรือขาเทียม

แพทย์อาจทำการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว หรือทำการผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด และ/หรือรังสีบำบัด ตามชนิดและระยะของโรค

สำหรับมะเร็งเซลล์กระดูก (osteosarcoma) แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัด และให้เคมีบำบัดก่อนและหลังการผ่าตัด ช่วยให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมากำเริบใหม่ ส่วนรังสีบำบัดแพทย์จะเลือกใช้ในบางกรณี

สำหรับมะเร็งเซลล์กระดูกอ่อน (chrondosarcoma) แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัด อาจใช้รังสีบำบัดก่อนและหลังผ่าตัด มักจะไม่ใช้เคมีบำบัด เนื่องเพราะใช้ไม่ได้ผลในการรักษามะเร็งชนิดนี้เป็นส่วนใหญ่ ในรายที่ผ่าตัดไม่ได้แพทย์จะรักษาด้วยใช้รังสีบำบัดเป็นหลัก


ผลการรักษาขึ้นกับชนิดและระยะของโรค

ในรายที่เป็นมะเร็งเซลล์กระดูก (ซึ่งพบในเด็กและวัยหนุ่มสาว) ระยะที่ยังไม่ลุกลาม มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 60-80 แต่ถ้ากระจายผ่านกระแสเลือดไปที่อวัยวะอื่น (พบบ่อยที่ปอด) มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 15-30

ส่วนรายที่เป็นมะเร็งเซลล์กระดูกอ่อน (ซึ่งพบในคนอายุมากกว่า 50 ปี) ส่วนใหญ่มักจะลุกลามช้าและไม่แพร่กระจายไปที่อื่น ซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดด้วยการผ่าตัดได้ มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 80


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดกระดูกนานเป็นสัปดาห์โดยไม่ทราบสาเหตุ, มีก้อนแข็งหรือปุ่มยื่นออกมาจากกระดูก ที่กระดูกแขนขาหรือที่อื่น เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระดูก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด จึงยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการปวดกระดูกเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

2. ผู้ป่วยมะเร็งกระดูกบางรายอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการกระดูกแตกหรือหักจากการกระทบกระแทกเล็กน้อย จนเข้าใจผิดว่าเป็นกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุทั่วไป หากสงสัยควรทำการตรวจเพิ่มเติมให้แน่ชัด

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

12
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


13
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


14
รถหกล้อรับจ้างจังหวัดโคราช หรือ รถรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา รับจ้างขนของที่ปลอดภัยไว้ใจได้

รถรับจ้างจังหวัดโคราช หรือ รถรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ยินดีบริการ

ในการค้นหา รถรับจ้างจังหวัดโคราช บางคนก็อาจจะพิมพ์เป็นชื่อเต็มนั้นก็คือ รถรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการจะใช้คำไหนในการค้นหา สำหรับเราไม่ว่าคุณต้องการจะขนย้ายอะไร หรือต้องการรถรับจ้างแบบไหนในจังหวัดโคราช เราก็พร้อมที่จะให้บริการท่านอย่างดีที่สุด

ซึ่ง รถรับจ้างจังหวัดโคราช ของเรานั้นเราเปิดให้บริการมาไม่น้อยกว่า 10 ปี เราบริการที่ดีและบริการในราคาที่ถูก เรามีรถรับจ้างมากมายที่หลากหลายชนิดพร้อมที่จะขนย้ายของให้กับลูกค้าในทุกวัน แม้กระทั่งช่วงเทศกาลที่มีความต้องการในการใช้รถรับจ้างขนของ เป็นจำนวนมากเราก็มีรถสแตนด์บายรอให้บริการท่านอย่างทั่วถึงจำนวนหลายคัน ทั้งรถของเราเองและรถทีมร่วมที่พร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือท่านในการให้บริการ รับจ้างขนของจังหวัดนครราชสีมา ได้อย่างไม่ติดขัด
มั่นใจได้เลยว่าในงานบริการ รถรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ของเรานั้นมีความรับผิดชอบในการขนย้ายของ มีการรับประกันสินค้าและที่สำคัญผู้ให้บริการมีประสบการณ์และความชำนาญสูงในการขนย้ายของจึงดีกว่าหลายหลายเจ้า ที่เพิ่งจะเข้ามาให้บริการรถรับจ้างขนของอย่างแน่นอน


รถรับจ้างขนของนครราชสีมา ใกล้ฉัน

เราจะทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดนครราชสีมา นั้นถือว่าเป็นจังหวัดที่ใหญ่มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นในเขตพื้นที่จากตัวเมืองไปยังต่างอำเภอจะมีระยะทางที่ไกลมากเป็น 100 กว่ากิโลจึงทำให้ในแต่ละอำเภอที่ต้องการอยากจะใช้บริการ รถรับจ้างขนของนครราชสีมา ใกล้ฉัน นั้นจึงต้องมีการเลือกพื้นที่หรือค้นหาจุดให้บริการที่อยู่ใกล้ตัวคุณมากที่สุด เช่น บางคนอยู่อำเภอบัวใหญ่การที่จะ ใช้บริการรถรับจ้างขนของก็ควรจะหารถที่อยู่ใกล้พื้นที่หรือใกล้ฉันมากที่สุด ถ้าหากใช้บริการรถรับจ้างจากตัวอำเภอเมือง ก็มีระยะทางที่ไกลมีค่าใช้จ่ายที่สูงอาจจะทำให้ท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยใช้เหตุ จึงต้องค้นหาด้วยคำว่า รถรับจ้างอำเภอบัวใหญ่ใกล้ฉัน หรือถ้าบางคนอยู่ที่ปากช่องก็ควรจะค้นหาด้วยคำว่า รถรับจ้างอำเภอปากช่องใกล้ฉัน เป็นต้น

ซึ่งไม่ว่าคุณจะใช้บริการ รถกระบะขนของนครราชสีมาใกล้ฉัน หรือ รถหกล้อรับจ้างขนของนครราชสีมาใกล้ฉัน หรือรถรับจ้างทั่วไปใกล้ฉันก็ตามคุณควรจะดูว่า พื้นที่ของเรานั้นอยู่ในเขตพื้นที่อะไรและจุดไหนที่จะทำให้เราคุ้มค่าบริการและประหยัดเงินค่าใช้จ่ายในการขนย้ายของให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

   
รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา

การที่เราจะเรียกใช้บริการ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา สิ่งที่เราจะต้องมีการเตรียมของก่อนการขนย้ายนั่นก็คือการจัดเก็บสินค้าหรือการจัดเก็บของที่เราคิดว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากที่สุด หากเป็นการเก็บพวกเสื้อผ้าคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่และต้องถอดประกอบ เช่น ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ สิ่งเหล่านี้ต้องประเมินดูว่าเราสามารถที่จะทำเองได้หรือไม่

หากเราไม่สามารถที่จะทำการถอดประกอบเองได้หรือแพ็คของเองได้ เราก็ควรใช้ช่างที่มีประสบการณ์ เช่น ผู้ให้บริการในด้านการถอดประกอบเฟอร์นิเจอร์หรือเราอาจจะใช้ช่างในการถอดประกอบ ของร้านค้าที่เราซื้อมา หรือหาคนที่มีความถนัดความชำนาญ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เราไม่มีอุปกรณ์ในการถอดประกอบอย่างแน่นอน จึงจำเป็นต้องต้องใช้ช่างผู้มีประสบการณ์

ถ้าหากว่าท่านอยากจะให้ผู้ให้บริการ รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา ช่วยถอดประกอบให้นั้นก็ต้องปรึกษาและสอบถามผู้ให้บริการก่อนว่า มีช่างที่คอยซัพพอร์ตบริการตรงนี้หรือไม่สำหรับเรานั้นเราให้บริการทั้ง รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา คนยกของและ ช่างถอดประกอบสินค้าให้จบภายในทีเดียว โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหน อีกเลยเพื่อความสะดวกและความรวดเร็วในการให้บริการ
ส่วนการเก็บของอื่นๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหรือถ้าท่านคิดจะใช้บริการ รถ6ล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา ท่านสามารถโทรมาปรึกษาสอบถามข้อมูลรายละเอียดกับเราได้เรามีคำแนะนำดีดีให้กับท่านอย่างแน่นอน

   
รถรับจ้างขนของจังหวัดนครราชสีมา ราคาถูก

คำว่าราคาถูกนั้นสำหรับบางคนในการขนย้ายของที่มีมูลค่ามากๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญเนื่องจากว่าความต้องการที่เค้าอยากจะได้นั่นคือความปลอดภัยสำหรับทรัพย์สินที่ทำการขนย้าย ดังนั้นเราจึงต้องแยกให้ออกว่าการที่เราเรียกใช้บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครราชสีมา ราคาถูก นั้นจะต้องมีราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย มีความปลอดภัยต่อทรัพย์สินที่เราจะทำการขนย้าย

สำหรับเรานั้นเราให้บริการอย่างมืออาชีพมีความชำนาญและมีความเก่งในเรื่องของการขนย้าย จึงทำให้ลูกค้ามีความคุ้มค่าและมีความปลอดภัย ในสินค้าที่ทำการขนย้ายอย่างแน่นอน 100%

มากไปกว่านั้นก็คือเราให้บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครราชสีมาราคาถูก อีกด้วยเพราะเราคำนวณราคาตามระยะทางที่เกิดขึ้นจริง คิดอัตราค่าบริการตามเรทน้ำมันที่ปรับขึ้นลง เพื่อให้ลูกค้าประหยัดต้นทุนและได้ข้อมูลราคาที่แท้จริงแบบเรียวไทม์ และเรายังมีรถรับจ้างขาล่อง หรือ รถรับจ้างเที่ยวกลับจังหวัดนครราชสีมาราคาถูก ให้กับลูกค้าในการตัดสินใจที่จะวางแผนการขนย้ายของล่วงหน้า ซึ่งแน่นอนว่าราคาค่าบริการจะถูกลงไปมากถึง 30% ให้กับลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการ

15
ต้องเรียกใช้บริการ รถกระบะรับจ้าง หรือ รถ 6 ล้อรับจ้าง ไหนดีเมื่อของมีเท่านี้

แน่นอนว่าการที่เราจะใช้ รถกระบะรับจ้าง หรือ รถ 6 ล้อรับจ้าง เราจะต้องมีความคุ้มค่าในการเรียกใช้บริการเนื่องจากว่าราคารถรับจ้างในแต่ละขนาดมีราคาที่ไม่เท่ากันซึ่ง รถกระบะรับจ้างขนของ ก็จะเป็นอีกราคานึงซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า รถ 6 ล้อรับจ้าง เราจึงอยากรู้ว่าจะเรียกใช้รถขนของ รถกระบะรับจ้าง และ รถ 6 ล้อรับจ้าง จากที่ไหนดีเมื่อมีของไม่มาก ดังนั้นไม่ว่างงานขนย้ายจะเป็นประเภทไหนเราควรมีการแจ้งรายละเอียดให้กับ ผู้ให้บริการรถรับจ้างอย่างชัดเจนเพื่อที่จะได้ประเมินในเรื่องของ รถรับจ้างขนของ ที่จะวิ่งเข้าสู่หน้างานดังนั้นวันนี้เราจะมาแจกแจงในเรื่องของ ความเหมาะสมในการเรียกใช้บริการรถรับจ้างขนของในแต่ละประเภทให้มีความชัดเจนมากขึ้น

รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รับจ้างขนของทั่วไทย บริการรวดเร็ว ราคาถูก

จากประสบการณ์ในการทำงานด้าน รับจ้างขนของ ของทีมงานขนส่ง เราให้บริการรถรับจ้างในทุกประเภทมายาวนานกว่า 15 ปีไม่ว่าจะเป็น รถกระบะขนของ รถหกล้อรับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน รถรับจ้างย้ายหอ รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์ รถพ่วงรับจ้าง ซึ่งงานในลักษณะต่างๆทางทีมงานขนส่งเรามีการประเมินงานรับจ้างขนของ ไว้อย่างนี้

1.    รถกระบะรับจ้าง ถือว่าเป็นรถรับจ้างที่มีขนาดเล็กมีความกะทัดรัดสูงให้บริการงานขนย้ายที่มีความรวดเร็วไม่มีสิทธิ์เวลาด้วยขนาดของตัวรถ ที่มีขนาดกว้างยาวสูงอยู่ที่ 6 เมตรยาว 2.2 เมตรสูง 2.10 เมตร ซึ่งเป็นลักษณะของรถกระบะรับจ้างแบบตู้ทึบสามารถใส่สินค้าได้หากเป็นงานย้ายบ้าน จะสามารถใส่ตู้ได้ 1 หลังเครื่องซักผ้า 1 เครื่อง เสื้อผ้า และมอเตอร์ไซค์ 1 คันหรือเป็นงานของย้ายหอที่มีขนาดเล็กโดยรถกระบะขนของนี้ จะมีพนักงานขับรถช่วยลูกค้ายกเลิกสินค้าในราคาฟรีดังนั้นสำหรับรถกระบะขนของแล้วงานย้ายหอย้ายอพาร์ทเมนต์ย้ายคอนโด ขนย้ายสินค้าทั่วไปถือว่ามีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก สามารถวิ่งได้ในชั่วโมงเร่งด่วน

2.    รถ 6 ล้อรับจ้าง ถือว่าเป็นรถรับจ้างที่มีขนาดใหญ่โดยที่มีความยาวของตัวรถที่แตกต่างกันเช่น 5.5 เมตร 6.5 เมตร 7.2 เมตรเป็นต้นแต่ในเรื่องของความกว้างและความสูงจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากๆโดยจะมีความกว้างอยู่ที่ 2.2 เมตรและสูงอยู่ที่ 2.3 เมตร สำหรับงาน รถหกล้อรับจ้างขนของ งานที่มีความเหมาะสมส่วนใหญ่จะเป็นงานขนย้ายบ้านขนาดใหญ่ที่มีตู้เสื้อผ้าหลายใบมีเตียงนอนที่นอนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆอีกมากมายขนย้ายสินค้าโรงงานขนย้ายเหล็กวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายเครื่องจักร เป็นต้น

3.    รถเฮี๊ยบรับจ้าง เป็นอีกหนึ่งรถรับจ้างที่ต้องการพนักงานขับรถที่มีความชำนาญในการยกสินค้า โดยรถเฮี๊ยบจะมีขนาดเริ่มต้นที่ 3.5 ตัน การขนย้ายส่วนใหญ่จะเป็นงานขนยกต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ขนย้ายเครื่องจักร ขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ หรือขนย้ายสินค้าที่คนไม่สามารถที่จะยกขึ้นได้ และพนักงานขับรถรับจ้างจะต้องมีความรอบรู้ และมีความชำนาญในการขนย้าย สินค้ามากพอสมควร

4.    รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง ซึ่งรถรับจ้างในลักษณะดังกล่าว จะมีความเฉพาะและมีความชัดเจนในปริมาณสินค้า ส่วนใหญ่แล้วจะขนสินค้าที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากๆ

ดังนั้นเพื่อความง่ายต่อการขนย้ายของผู้ใช้ บริการรถรับจ้าง ควรที่จะมีแอพพลิเคชั่นดีๆเกี่ยวกับงานรับจ้างขนของไว้คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับด้านราคาค่าขนย้าย รถรับจ้างขนของ ที่มีความเหมาะสมต่อหน้างานเพื่อให้งานที่เราว่าจ้างนั้น เนื้องานออกมาดีที่สุด และมีความปลอดภัยมากที่สุด นั่นเอง

รถรับจ้างที่คุณต้องบอกเลยว่าราคาถูก คุ้มค่า เพราะมีแต่มืออาชีพเท่านั้นที่มาบริการขนย้ายของให้แก่ท่านเท่านั้น ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ย้ายต้นไม้ ขนย้ายมอเตอร์ไซด์ ย้ายบ้าน ย้ายหอ ขนย้ายที่อยู่ ขนส่งสินค้า งานรับจ้างขนของทั่วไป ลองโทรมาปรึกษากันนะคะ


หน้า: [1] 2 3 ... 49